ดังเป็นพลุแตกกับดีเจที่มีความกระตือรือร้นในความฝันของตนเอง Steve Aoki เขาเป็นอีกคนที่กว่าจะมายืนในแนวหน้าของวงการดีเจได้นั้น เรียกว่าต้องฝ่าฝันอุปสรรคมามากมายอยู่เช่นกัน และกับคำพูดฮิตติดปากเขา I’ll sleep when I am dead ก็กลายเป็นจุดที่เราต้องมาดูกันว่า อะไรกันที่ทำให้เขาผลักดันตนเองมาถึงจุดนี้ได้
ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักสตีเวนกับเรื่องส่วนตัวของเขากันดีกว่า ฮิโระยุกิ หรือ สตีฟ อะโอะกิ (Steven Hiroyuki) “Steve Aoki” หรือ DJ Kid Millionaire เขาเป็นเด็กหนุ่มเชื้อสายญี่ปุ่นที่มาเกิดและเติบโตในสหรัฐอเมริกา โดยเกิดใน ไมอามี่ และได้ย้ายมาใน นิวพอร์ตบีช, แคลิฟอร์เนีย แต่พ่อและแม่ของเขาได้แยกทางกัน เมื่อครั้งให้สตีฟเล่าถึงพ่อของเขา สิ่งแรกที่เขาบอกก็คือเขาอยากประสบความสำเร็จแบบพ่อของเขา เพราะพ่อเขาสอนให้เขาทำงานหนัก อย่าหยุดพัก เพราะพ่อเองก็ไม่เคยหยุดพักเช่นกัน และนี้ก็เป็นจุดที่ทำให้เขาต้องการแสดงให้พ่อเห็นว่าเขาเองก็สามารถทำเหมือนพ่อได้เช่นกัน
เขามีพี่น้องแท้ ๆ ทั้งหมด 3 คน คือ พี่สาว Kanaa พี่ชาย Kevin และตัวเขาเอง ส่วนอีกสามคนเป็นลูกคนละแม่ชื่อ Kyle, Echo, และ Devon Aoki เขาเป็นลูกชายของ Chizuru Kobayashi และ Rocky Aoki ผู้เป็นตำนานแชมป์กีฬามวยปล้ำของญี่ปุ่น และเป็นผู้ก่อตั้งร้านอาหารที่มีชื่อเสียงและประสบความสำเร็จมากในประเทศอเมริกา ชื่อร้าน Benihana
จุดเริ่มต้นของการทำดนตรีของ Steve Aoki เริ่มต้นเมื่อเขาได้เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยที่ University of California, Santa Barbara และได้ปริญญาตรี 2 ใบในสาขา Women’s Studies และสาขา Sociology สมัยเรียน Aoki ได้ก่อตั้งค่ายเพลงเล็ก ๆ แนว Hardcord เป็นของตัวเอง มีการแอบจัดคอนเสิร์ตใต้ดินหลาย ๆ ครั้งในอพาร์ตเมนต์ของเขา
เมื่อเขาเริ่มย่างเข้าอายุ 20 ปี เขาจึงได้ก่อตั้งค่ายเพลงของตัวเองอย่างเป็นทางการที่ใช้ชื่อว่า Dim Mak Records เป็นการตั้งชื่อเพื่อเป็นเกียรติให้กับฮีโร่ของเขา Bruce Lee นั้นเอง โดยมีผู้ร่วมก่อตั้งเป็นเพื่อนของเขาอีกหนึ่งคน ในขณะนั้นเขายังเป็นสมาชิกของวงดนตรีอีกหลายวงเช่น The Machine Kills
Steve Aoki เป็นคลับดีเจและคลับโปรโมเตอร์ ซึ่งธุรกิจหลักของเขาก็คือ การบริหารค่ายเพลงอินดี้ Dim Mak Records ของเขาเอง ซึ่งเป้าหมายหลักของค่ายเพลงนั้นต้องการผลักดันวงใหม่ออกสู่ตลาด ในภายหลังเขาได้ร่วมมือกับ Blake Miller เพื่อที่จะผลิตเพลงในแนวรีมิกส์ส่งออกสู่ตลาด และใช้ชื่อว่า Weird Science Production
Aoki ได้รีมิกส์เพลงจากนักดนตรีโด่งดังหลายคน หลายวง เช่น Snoop Dogg, Lenny Kravitz, Robin Thicke, Bloc Party, S.P.A., Duran Duran, Timbaland, Chester French และ Peches และในปี 2008 เขาได้ออกอัลบั้มเป็นของตนเองใช้ชื่อว่า Pillow Face and His Airplane Chronicles
เขายังมีผลงานออกมาอีกหลายอัลบั้ม ไม่ว่าจะเป็น Wonderland ซึ่งเป็นอัลบั้มที่ถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Best Dance/Electronica Album จากงาน Grammy Award ในปี 2013 และยังมีผลงานเพลงฮิตอีกมากมาย ทั้ง No Beef (ร่วมกับ Afrojack), Boneless (ร่วมกับ Chris Lake) และ A Light That Never Comes (ร่วมกับ Linkin Park)
งานเพลงที่ว่ารุ่งแล้ว Aoki ก็เริ่มขยายธุรกิจของตนเอง แต่ไม่ใช่งานดนตรี เขาเริ่มโครงการเมื่อปี 2006 เป็นงานด้านเสื้อผ้าและอุปกรณ์เครื่องใช้ต่าง ๆ เช่น แว่นตา, หูฟัง โดยใช้ชื่อ Dim Mak Collection เป็นแบรนด์เสื้อผ้าของเขา ซึ่งได้รับการออกแบบจากตัวเขาเองและน้องสาวของเขา ซึ่งเป็นนักแสดง Hollywood ชื่อ Devon Aoki ผลิตภัณฑ์ของเขาจะออกสู่ตลาดในปี 2009
นอกจากงานด้านดนตรีและงานดีไซน์ออกแบบแล้ว Aoki มีกิจการร้านอาหารเกาหลีที่ชื่อ Shin โดยเขาบริหารร่วมกับเพื่อนร่วมงานของเขา Danny Masterson, Julian Casablancas, Mark Ronson, Laura Prepon, Jerry Butler และยังก่อตั้งบริษัท Deckstar เป็นบริษัท Management ร่วมกับ DJ AM และ Paul Rosenberg เพื่อดูแลงานของศิลปินภายใต้สังกัดของเขาอีกด้วย
ล่าสุดเขาได้รับการจัดอันดับบนลิสต์ DJ Mag Top 100 Clubs โดยเขาอยู่ที่ตำแหน่ง 33 และยังเป็นดีเจอันดับ 11 ของโลก ของ DJ Mag อีกด้วย มาระเบิดความมันส์กันที่อิลลูชั่น ภูเก็ต ซึ่งเขาจะนำเพลงดังของเขาขนมาให้ทุกท่านได้ฟังกันแบบสดๆ ภายในงานกันด้วย
และในวันพุธที่ 13 พฤศจิกายน 2562 นี้เขาจะมาเยือน Illuzion Phuket โดยทุกท่านสามารถหาซื้อบัตรได้ทางออนไลน์ที่เว็บไซต์ eventpop.me หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊กเมสเซนเจอร์ Illuzion Phuket หรือจะทำการจองโต๊ะที่เบอร์ติดต่อ 093-583-4766 HappyLuke
